ท่าน ทราบหรือไม่ว่า 'ใยอาหาร'
มีผลต่อสุขภาพของท่านอย่างไร 'ใยอาหาร'หรือที่เราเรียกว่า 'Fiber' ปัจจุบันได้ถูกกำหนดให้เป็นอาหารหลักหมู่ใหม่เพิ่มขึ้นมาทั้งนี้เนื่องจากใยอาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้น ได้ค้นพบถึงประโยชน์ของใยอาหารว่า ใยอาหารสามารถบรรเทา
อาการของโรคต่างๆ ได้ เช่นโรคท้องผูก, โรคมะเร็งในลำไส้, โรคเบาหวาน,โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น หลายคนอาจสงสัยว่า ”ใยอาหาร” ที่กำลังพูดถึงนี้คืออาหารประเภทใดใยอาหาร ก็หมายถึง สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตหรือประเภทแป้งที่เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์พืชซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถย่อยสลายได้ ใยอาหารแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. ใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ใยอาหารประเภทนี้เป็นใยอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่
2. พบมากในรำข้าว ข้าวโพด ข้าวซ้อมมือ ข้าวฟ่าง ผักผลไม้บางชนิด ใยอาหารชนิดนี้มีคุณสมบัติ พองตัว ดูดซึมนั้นำทำให้มีน้ำหนักถ่วงมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้อิ่มเร็ว นอกจากนี้ใยอาหารประเภทนี้จะช่วยเอื้อต่อการป้องกันมะเร็ง
ทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม ใยอาหารจะกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวทำให้กากอาหารผ่านจากลำไส้เล็กไปสู่ลำไส้ใหญ่ได้รวดเร็วไม่มีการคั่งค้างของเสียในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้นและโอกาสที่กากอาหารจะถูกแบคทีเรียในลำไส้ย่อยกลาย เป็นสารก่อมะเร็งจึงน้อยลง ลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ใยอาหารกลุ่มนี้ที่รู้จักกันดี ได้แก่ ลิกนิน (lignin), เซลลูโลส (cellulose),
เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose)เป็นต้น
3. ใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำได้เป็นใยอาหารที่มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าจะสามารถดูกซึมน้ำได้บ้างแต่จะรวมตัวกับอาหารต่างๆในกระเพาะ ทำให้มีลักษณะหนืดคล้ายเจล ใยอาหารกลุ่มนี้จะออกจากกระเพาะไปสู่ลำไส้ช้าๆทำให้การดูดซึมของอาหารในเลือดช้าลง จึงทำให้หิวช้าลงซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีนอกจากนี้ ใยอาหารกลุ่มนี้จะดึงเอากรดไขมันและน้ำดีไว้ ดังนั้นคนที่รับประทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำ จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ใยอาหารกลุ่มนี้พบได้ในผลไม้แทบทุกชนิดและธัญญพืชที่ไม่ได้ขัดสี เช่น ข้าวกล้องข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ด เป็นต้น
ใยอาหารกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักดี ได้แก่เพคติน (pectin), ซิลเลี่ยม (psyllium)เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วร่างการของเราควรได้รับใยอาหารทั้ง 2 กลุ่มผสมกันไป จากคุณสมบัติที่ดีของใยอาหารดังที่ได้กล่าวมาเราจึงควรหันมาบริโภคใยอาหารกันให้มากขึ้น
โดยแต่ละวัน เราควรได้รับใยอาหารประมาณ 30 กรัมต่อวัน นอกจากนี้ การที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานใยอาหาร ไม่เพียงแต่ปริมาณที่ได้รับเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยังขึ้นอยู่กับสัดส่วนที่สมดุลระหว่างใยอาหารทั้งสองประเภทด้วย